เจ้าหน้าที่ข้าราชการและลูกจ้างศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ร่วมถวายเทียนพรรษา 9 วัด

กลับหน้าหลัก

ประวัติวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘
เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้งถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขารอันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษานับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา

"ผ้าจำนำพรรษา" คือผ้าที่ทายกถวายแก่พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้วในวัดนั้น ภายในเขตจีวรกาล เรียกอีกอย่างว่า "ผ้าวัสสาวาสิกสาฎิกา"

"ผ้าอาบน้ำฝน" คือผ้าสำหรับอธิษฐานไว้ใช้นุ่งอาบน้ำฝนตลอด ๔ เดือนแห่งฤดูฝน เรียกอีกอย่างว่า "ผ้าวัสสิกสาฏิกา"
การที่พระภิกษุสงฆ์ท่านโปรดสัตว์อยู่ประจำเป็นที่เช่นนี้ เป็นการดีสำหรับสาธุชนหลายประการ กล่าวคือ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระพุทธบัญญัติก็นิยมบวชพระ ส่วนผู้ที่อายุยังไม่ครบบวชผู้ปกครองก็นำไปฝากพระ โดยบวชเป็นเณรบ้าง ถวายเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านบ้าง ท่านก็สั่งสอนธรรม และความรู้ให้ และโดยทั่วไป พุทธศาสนิกชนนิยมตักบาตรหรือไปทำบุญที่วัด นับว่าเป็นประโยชน์

การปฏิบัติตน ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ ที่สำคัญคือ มีประเพณีหล่อเทียนขนาดใหญ่เพื่อให้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์อยู่ได้ตลอด 3 เดือน มีการประกวดเทียนพรรษา โดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ

แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ ทำบุญรักษาศีลและชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึง วันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้น อบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลาน ของตนโดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับ อานิสงส์อย่างสูง

ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พระภิกษุจะต้องอยู่ประจำวัดตลอด ๓ เดือนมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้มีอยู่เป็นประจำ ทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษานี้ พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าเย็นและในการนี้จะต้องมีธูป เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็น การกุศลทานอย่างหนึ่งเพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบท การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ ๓ รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่งมี การแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงามและถือว่าเป็นงานประจำปีทีเดียว ในวันนั้นจะมีการร่วมกันทำบุญตักบาตรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เป็นการร่วมกุศลกันในหมู่บ้านนั้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา
๑. ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา
๒. ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่ภิษุสามเณร
๓. ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล
๔. อธิษฐาน งดเว้นอบายมุขต่างๆ

 

รูปภาพถวายเทียนพรรษา 9 วัด

 ศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายธานินทร์  ปั้นเทียน ผู้อำนวยการศูนย์บริหารศัตรูพืช จังหวัดเชียงใหม่ ได้เห็น

ถึงความสำคัญในวันเข้าพรรษาจึงได้นำคณะข้าราชการและลูกจ้างศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมถวายเทียน 9 วัด

ในเทศกาลวันเข้าพรรษาเพื่อเป็นการสืบสานประเพณีถวายเทียนและทำบุญร่วมกันของคณะข้าราชการและลูกจ้างของศูนย์ฯ

ซึ่งปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ดังนี้

   1.วัดดอยคำ   2.วัดดอยแก้ว   3.วัดตองกาย   4.วัดหนองควาย   5.วัดดอยเปา

   6.วัดบ้านฟ่อน   7.วัดบ้านปง   8.วัดดอยถ้ำ   9.วัดนาบุก

 

  นายธานินทร์  ปั้นเทียน ผอ.ศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่

  เป็นประธานถวายเทียนพรรษาที่วัดดอยคำ หมู่ 3 .แม่เหียะ อ.เมือง

  จ.เชียงใหม่ เป็นวัดแรก

 

  นายธานินทร์  ปั้นเทียน ผอ.ศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ และคณะ

  ร่วมถวายเทียนที่วัดดอยแก้ว หมู่ 12 .หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่

  เป็นวัดที่สอง

 

   

  นายวิชัย  ศรีโพธิ์งาม นวส.ชำนาญการ ถวายเทียนพรรษา ที่วัดตองกาย

  หมู่ 1 .หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่สาม

 

 นางปุนรดา  คุณาธารกุล เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน และนายท้าย สุนนท์

  ถวายเทียนที่วัดหนองควาย หมู่ 5 .หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่

  เป็นวัดที่สี่

   

  นางภาษิตา  แก้วเลื่อมใส นวส.ชำนาญการ และนางยุพิน  ธัญใจ

  พนักงานธุรการ ถวายเทียนพรรษาที่วัดดอยเปา หมู่ 6 .หนองควาย

  อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่ห้า

  นายสนธยา  แก้วมณี นวส.ชำนาญการ และภรรยา ถวายเทียนพรรษา

  ที่วัดบ้านฟ่อน หมู่ 7 .หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่หก

 

   

  นายชาตรี  อัฐวงศ์  นวส.ชำนาญการ ถวายเทียนพรรษาที่วัดบ้านปง

  หมู่ 7 .น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่เจ็ด

 

  นายธานินทร์  ปั้นเทียน ผอ.ศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ และนาย

  สนธยา  แก้วมณี ร่วมกันถวายเทียนพรรษาที่วัดดอยถ้ำ

  หมู่ 3 .น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่แปด

   

นายยุทธนา  เดือนดาว และนายอนุพนธ์  ปิยะปง นายช่างเครื่องกลปฏิบัติงาน

ร่วมกันนำถวายเทียนพรรษาที่วัดนาบุก หมู่ 2 .บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่

เป็นวัดสุดท้ายของการถวายเทียนพรรษา ประจำปี 2553